แนะนำวิธีเลือกซื้อหมอนหนุน ยังไงให้สบายคอ

1648 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แนะนำวิธีเลือกซื้อหมอนหนุน ยังไงให้สบายคอ

          การนอนหลับเป็นวิธีการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายที่ดีที่สุด ซึ่งการนอนหลับนั้นส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด แต่การนอนหลับให้ถึงขั้นหลับลึกหรือหลับสนิทได้ตลอดทั้งคืนนั้นการเลือกเครื่องนอนให้พอดีกับสรีระก็มีส่วนสำคัญ เพราะจะทำให้การนอนหลับของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น 


          ใครมีปัญหาเรื่องนอนหลับไม่สนิท ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น หรือมีอาการปวดหลัง ปวดต้นคอบ่อยๆ ลองเปลี่ยนหมอนที่หนุนกันดูมั้ย? ต้องเลือกหมอนยังไงให้หลับได้สบายตลอดคืนและไม่กระทบเรื่องสุขภาพ เรามีทริคมาฝากด้วย


การมีหมอนที่ดีนั้นสำคัญยังไง ?

          "หมอน" เป็นอีกเครื่องนอนที่เราเชียร์ให้ลงทุน ลองคิดดูว่าวันหนึ่งๆ เราใช้เวลากับการนอนถึงวันละ 6-8 ชั่วโมง การมีหมอนที่สามารถซัพพอร์ทศีรษะและคอของเราจะทำให้เราหลับสบายมากยิ่งขึ้น โดยที่ตื่นเช้ามาจะไร้อาการปวดคอ ปวดหลังและอาการมึนศีรษะ และหมอนบางประเภทยังช่วยลดอาการกรนได้ด้วย แล้วในการเลือกซื้อหมอนต้องดูเรื่องอะไรบ้างนะ? 

ลักษณะท่านอน
          นอนหงาย : หลีกเลี่ยงการเลือกหมอนที่สูงเกินไป เพราะเมื่อนอนแล้วศีรษะจะยกสูงมากกว่าเกินไป จะส่งผลให้ปวดต้นคอได้ 
          นอนคว่ำ : เลือกใช้หมอนที่มีลักษณะแบนมารองที่ศีรษะ และหาหมอนแบนใบเล็กๆ มาช่วยรองเสริมบริเวณท้องอีกใบเพิ่มด้วย
          นอนตะแคง : ควรเลือกหมอนที่สามารถรองรับช่องหว่างระหว่างคอและไหล่ เพื่อช่วยรักษาระดับกระดูกสันหลังให้ตรงกับคอ เพื่อป้องกันอาการปวดคอ

เลือกวัสดุที่ใช้ผลิตหมอน 

          ใยสังเคราะห์ เป็นหมอนที่คนนิยมใช้ เพราะราคาไม่แพง ดูแลรักษาได้ง่าย แต่ข้อเสียของหมอนที่ทำจากใยสังเคราะห์จะมีอายุการใช้งานเพียง 6 เดือนเท่านั้น เมื่อใยเสื่อมสภาพ หมอนจะเกิดการยุบตัว ทำให้องศาของขอเวลานอนเปลี่ยนไป อาจทำให้เกิดอาการปวดแบบไม่รู้ตัว และยังต้องคอยระวังปัญหาเรื่องของไรฝุ่นด้วย ราคาประมาณ 200 - 1,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ)

          เมมโมรี่ โฟม หมอนที่ทำมาจากโฟมสังเคราะห์ สามารถยืดหยุ่นได้ดี สังเกตง่ายๆ จากการใช้มือกดแล้วจะรอยบุบค้างอยู่ซักครู่แล้วหมอนจึงคืนสภาพ ทำให้หมอนประเภทนี้สามารถปรับรูปร่างไปตามสรีระและศีรษะของผู้นอนได้ จึงช่วยกระจายแรงกดทับได้ดี ช่วยลดอาการปวดได้

ราคาประมาณหลักร้อยจนถึงหลักหมื่น (ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ)

          ยางพารา เป็นหมอนที่ทำจากยางพารา มีความแข็งแรงและทนทาน สามารถยืดหยุ่นได้เหมือนกับหมอนเมมโมรี่โฟม แต่คืนสภาพได้เร็วกว่า หมอนจะมีปุ่มนูนหรือรูระบายทั่วทั้งใบ จึงสามารถช่วยกระจายน้ำหนักได้ดี ไม่ต้องคอยระวังเรื่องไรฝุ่นด้วย และเป็นหมอนที่ราคาแพงกว่ามากกว่าหมอนที่ทำจากวัสดุอื่นๆ

          ราคาประมาณ 300-400 บาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ และขนาดของหมอน ยิ่งหมอนที่มีขนาดใหญ่ราคาก็ยิ่งแพงขึ้น

          ขนสัตว์ ส่วนมากมักทำมาจาก ขนนก, ขนเป็ด, ขนห่าน, หมอนที่ทำจากขนสัตว์จะมีความนุ่มฟูมาก สามารถรองรับคอและศีรษะได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียคือดูแลรักษายาก ต้องระมัดระวังไม่ให้โดนน้ำ เพราะจะทำเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และยังเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นด้วย ราคาตั้งแต่หลักพันขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับประเภทของขนที่เลือกใช้ ยิ่งเป็นหมอนขนห่านก็ยิ่งมีราคาสูงมาก

เลือกความสูงและความหนาของหมอนที่นอนแล้วสบาย

          เมื่อลองพิจารณาจากท่านอนและวัสดุแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ การเลือกหมอนความหนาและความสูงของหมอน ข้อควรระวัง คือ ควรเลือกหมอนที่นอนแล้วทำให้กระดูกต้นคอและกระดูกสันหลังของเราตรงได้มากที่สุด ความสูงของหมอนที่แนะนำคือประมาณ 6-7 นิ้ว และหมอนต้องใหญ่พอที่จะรองรับศีรษะ คอ และไหล่ได้

          หากเลือกหมอนที่สูงจนเกินไป จะทำให้ปวดต้นคอ ปวดบริเวณไหล่ และส่งผลไปยังกระดูกสันหลัง และยังทำให้รู้สึกหลับไม่สนิท ไม่สบายตัว ส่งผลให้ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เต็มที่

 ไขข้อสงสัย หมอนหนึ่งใบใช้ได้นานแค่ไหน ?

          ก่อนอื่นให้ดูจากประเภทของหมอน เพราะหมอนแต่ละประเภทมีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน โดยเฉพาะคนที่ใช้หมอนที่ทำจากใยสังเคราะห์ที่ ควรเปลี่ยนบ่อยๆ เพราะหมอนประเภทนี้เป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น หรือจะใช้การทดสอบโดยการถอดปอกหมอนและพับหมอนลงครึ่งนึง หากหมอนไม่คืนสภาพ นั่นหมายถึงได้เวลาเปลี่ยนหมอนแล้ว สำหรับหมอนยางพาราและหมอนเมมโมรี่ โฟม อาจจะใช้วิธีกดให้หมอนยุบเพื่อดูว่าหมอนคืนสภาพได้เร็วแค่ไหน หากคืนสภาพช้าก็ควรเปลี่ยนแล้วเช่นเดียวกัน

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้